นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานประชุมสามัญประจำปี 2566 ในการเสวนาเรื่อง “วิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย” โดย 9 พรรคการเมืองว่า เรามี 5 ข้อคำถามที่ต้องการอยากให้พรรคการเมืองช่วยหาทางแก้ และขับเคลื่อนได้จริงภายใน 90 วัน หลังจากได้จัดตั้งเป็นรัฐบาล เช่น การแก้ปัญหาค่าไฟ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในภาคธุรกิจ การแก้ไขปัญหาโลกร้อน Climate change และมาตรการกีดกันทางการค้า แต่ละพรรคจะมีแนวทางอย่างไรบ้าง เพราะภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วงโควิด-19

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไทยต้องเปลี่ยนเศรษฐกิจเป็น Made With Thailand ไม่กำหนดขอบเขตแค่ไทย แต่ต้องเข้าไปถึงทั่วโลก ใช้ไฮเทค ไฮทัช เป็นตัวขับเคลื่อนอัตสาหกรรมไปสู่ 5.0 ให้คน เครื่องจักร หุ่นยนต์ ได้ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้า ขณะเดียวกันต้องดีไซต์สินค้าส่งออกให้มีแบรนด์เป็นของตัวเองและก้าวไปตลาดโลกให้ได้ “ไทยต้องใช้ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท มาเป็นตัวดึงการลงทุน อุดหนุนเงินให้อุตสาหกรรมที่เราต้องการ จะใช้แค่สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษี 8 ปี ไปสู้กับเวียดนามไม่ได้แล้ว”

นายสุชาติ ชมกลิ่น พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลรับหังทุกปัญหาจากประชาชน เป็นที่มาของการได้เร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และรัฐบาลใหม่จะต้องใกล้ชิดรับฟังเอกชน เราจะไม่ไปกีดกันการทำงานที่ขัดต่อการดำเนินธุรกิจของเอกชน จะช่วยส่งเสริมอย่างการตั้งกองทุน SMEs คือหนทางที่จะเป็นทางรอดของ SMEs และช่วยเศรษฐกิจ “การใช้ระบบไตรภาคี และการ MOU กับประเมศเพื่อนบ้าน เป็นแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและค่าแรงขั้นต่ำ”

นายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐจะมีส่วนในการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในภาคเอกชน เพื่อจะได้กำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศร่วมกัน จะใช้ความสามารถในการเจรจาด้านการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ เพื่อให้ไทยได้โอกาสมากที่สุด และที่สำคัญจะต้องกำหนด KPI การทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด จากความร่วมมือทำงานกับภาคเอกชน “หัวไม่ส่ายหายไม่กระดิกก็จะไม่เกิดคอร์รัปชั่น มันจะพาเศรษฐกิจเดินไปได้ และไทยเราต้องมี New Business Zone นำร่องที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่”

นายอุตตม สาวนายน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ไม่ใช่เวลาลองผิดลองถูกแต่เราต้องวางรากฐานเศรษฐกิจเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตและยั่งยืนด้วย 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด เช่น แก้หนี้เติมททันใหม่ให้รายเล็กล้มแล้วลุก สิทธิ์จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดินหน้า BCG ส่งเสริมการศึกษาด้านสายอาชีพ ใช้พื้นที่ยุทธศาสตร์ EEC ขยายเชื่อมต่อกับภาคอื่นๆ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งคมมนาคม สื่อสาร ดิจิทัล “ใช้โอกาสจากสงครามและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ขยายการลงทุนไปตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา ดึง FDI เข้ามาด้วยสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่ภาษี”

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เอกชนเสนอรัฐหลายเรื่องแต่การตอบรับไม่เพียงพอ เราจะประกาศงดใช้กฎหมายที่มีมากถึง 1,400 ฉบับชั่วคราว และใช้เวลา 5 ปี ในการปรับแก้ทุกอย่างที่เป็นอุปสรรค ต้องตั้งกองทุน SMEs นำเอานวัตกรรมเข้ามาใช้ให้ได้ และบีโอไอจะต้องหนุนคนตัวเล็ก อึตสาหกรรมในประเทศมากกว่านี้ ผลักดันให้เกิดคลัสเตอร์ใน EEC “กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ต้องซัพพอร์ต กองทุน SMEs ให้รายเล็กได้เดินหน้าไปสู่ BCG ให้ได้เพราะเรื่องนี้มันเกิดขึ้นแน่นอน”

นายสันติ กีระนันทน์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เราจะไม่ทิ้งอุตสาหกรรมเดิมอย่าง Bio อาหาร และจะเร่งอุตสาหกรรมใหม่ไปพร้อมกัน ไทยจะต้องถูกรื้อ โครงสร้างไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด SMEs จะต้องได้ใช้งานวิจัยจริง แรงงานต้องถูกอัปสกิล รีสกิล ควบคู่ไปกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ESG เพื่อไม่ให้ไทยถูกกีดกันทางการค้าจากมาตรการ CBAM อุปสรรคที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ ไม่เคยประสานงานกัน แนวทางที่ดีลดความรุงรังของกฎหมายทั้ง 2 กระทรวงควรรวมกันเหมือนกระทรวงเมติของญี่ปุ่น “จัดกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ และต้องหยุดขั้นตอนการอนุญาตของราชการเพื่อหยุดการคอรัปชั่น”

นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า 3 อุตสาหกรรมหลักสำคัญของไทย หรืออุตสาหกรรมสายเขียว จะต้องถูกผลักดันให้ได้ คือ 1.อุตสาหกรรมชีวภาพ ที่ใช้พืชเกษตรไทยมาต่อยอด 2.อุตสาหกรรมอาหาร คงมาตรฐานไว้และผลักเัน เช่นเครื่องแกงไปอยู่บนโต้ะอาหารทั่วโลก 3.อุตสาหกรรมการแพทย์ ใช้จุดแข็งจากพืชสมุนไพร อย่างกัญชาเพื่อการรักษาและสุขภาพให้เป็น Soft Power ให้ได้ “เราสนับสนุนพลังงานสะอาดต่อไปทุกบ้านจะต้องติดโซลาร์เซลล์เป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ และผู้ขาย คู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายจริงจังเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น”

นายเกียรติ สิทธีอมร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจฐานรากหรือประชาชน และ SMEs ต้องเข้มแข็ง เราจะลดต้นทุนด้านพลังงานให้เห็นผลภายในหนึ่งเดือนกำไรโรงกลั่นน้ำมันและค่าการตลาดจะต้องไม่เกิน 1 บาท/ลิตร แก้ปัญหาเรื่องต้นทุนทางการเงินภายในสามเดือน และผลักดันให้ไทยเป็น R&D hub ของเอเชีย และอุตสาหกรรมอนาคตจะต้องส่งเสริมให้ไทย มีคลัสเตอร์เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ “การเลือกพรรคที่มีนักเจรจาเชิงรุกเก่ง จะทำให้ไทยไม่ถูกเอาเปรียบจากมาตรการกีดกันทางการค้าโลก ที่สำคัญต้องดึงประชาชน NGO มาเป็นส่วนน่วมในการตรวจสอบการทุจริตทุกโครงการของรัฐ”

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เราต้องกู้เศรษฐกิจคืนมาให้โตได้ 4-5% ใช้นโยบายเศรษฐกิจใหม่ ดึงจุดแข็งจากอุตสาหกรรมที่เรามี เช่น ท่องเที่ยวให้เติบโต คือทางที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด ด้วยการเพิ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวโต 2 เท่า มูลค่าจากการท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 5 ล้านล้านบาท เปิดตลาดใหม่เพื่อให้การส่งออกดีขึ้น ใช้นวัตกรรมต่อยอดพืชเกษตรหลักอย่าง อ้อย มัน ปาล์ม “กฎหมายที่เก่ามากต้องแก้ให้ได้ การมี One Stop Service การให้ประชาชนระบบ People pool เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการรัฐ จะช่วยลดคอร์รัปชั่นลงได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการรวบรวมผลสำรวจความคิดเห็นจากสมาชิก ส.อ.ทคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร. นักอุตสาหการ 420 คน ที่ฝากไว้ให้ 9 พรรคการเมือง ซึ่งในอนาคตอาจเป็นรัฐบาลใหม่ พรรคร่วม หรือฝ่ายค้านก็ตาม ได้ทำตามข้อเรียกร้องของเอกชน โดยสรุปได้ว่า เรื่องสำคัญที่เอกชนต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินกานภายใน 90 วัน คือ 1.ความคิดเห็น 77.8% ให้ปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ 2.ความคิดเห็น 65.3% ให้ทบทวนปรับลดโครงสร้างอัตราภาษีนำเข้า ในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบที่ไม่กระทบต่อการผลิตในประเทศ 3.ความคิดเห็น 60% ออกมาตรการช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตให้ SMEs ที่อยู่ในระบบภาษี เช่น ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าธรรมเนียม 4.ความคิดเห็น 65.8% ให้ จ่ายอัตราค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ 5. ความคิดเห็น 74.7% ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องการอนุมัติ อนุญาต ไม่เป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจ รวมทั้งยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย

admin